Index สมัคร งาน
แดเนียล พิงก์ ทดลองมากับตัวเองด้วยการใช้วิธี Nappuccino ทุกวัน และพบว่าช่วงเวลาที่ดีคือการดื่มกาแฟแล้วงีบไปช่วง 2-4 โมงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลเริ่มลดลง "มันเหมือนมีเวทมนตร์เลย ตอนที่ตื่นเราจะรู้สึกสดชื่นทันที เพราะเราได้การบูสต์จากคาเฟอีน และมันยังจะเป็นช่วงเวลาพักที่เราจะเฝ้ารอคอยหลังการทำงานมาหลายชั่วโมง" ได้เคล็ดวิชาดีๆ แบบนี้แล้ว ลองไปปรับการดื่มกาแฟของคุณให้ถูกต้องนะ ส่วนผู้เขียนจิบกาแฟแล้วขอตัวไปงีบก่อน จะได้ตื่นมาโปรดักทีฟทำงานต่อ! อ้างอิง:
สอนการประยุกต์การประหยัดกาแฟ และ นมในการฝึกซ้อมที่บ้านได้ทั้งมีเครื่องชงและไม่มีเครื่องชง ไม่ต้องมีเครื่องชงก้พอฝึกได้นะครับ สอบถาม line Jinjunior โทร 0939569636
20 นาที เราก็จะเทน้ำลงไปอีก 60 กรัม และรออีก 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 180 กรัม) ขั้นตอนที่ 4 เมื่อเวลาครบ 2 นาที เราเทน้ำลงไป 80 กรัมและรอประมาณ 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 260 กรัม) ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อเวลาครบ 2.
กาแฟ(ดริป)ที่เราชงออกมาดื่มนั้น รู้สึกขม มากไป (Too Bitter) ควรทำอย่างไรดี? การชงกาแฟแบบ Pour Over หรือที่เรียกๆกัน กาแฟดริป นั้น หลายคนยังคิดว่า ก็ใส่กาแฟและเทน้ำลงไป รอมันหยดลงมา ก็ดื่มได้เลย จะว่าไปมันก็ดื่มได้จริงๆนั่นแหละ แต่อาจจะ เอ๊ะทำใมไม่อร่อยเหมือนเมื่อวาน ทำใมวันนี้ฝาด ๆ!
5 แก้วต่อวัน กลายเป็น 3. 1 แก้วต่อวัน! โดย Starbucks และ The Coffee Bean & Tea Leaf คือแบรนด์ยอดนิยมสำหรับคอกาแฟ อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจจากผลการศึกษาดังกล่าวก็คือ การดื่มกาแฟแก้วที่สองหรือแก้วที่สามของวันนั้นไม่ใช่การดื่มเพื่อความสุนทรีอะไร แต่เป็นการดื่ม 'ชูกำลัง' เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปรดักทีฟ แต่ช้าก่อน บางทีการดื่มกาแฟจำนวนมากก็ไม่ได้แปลว่าการทำงานของคุณจะโปรดักทีฟเสียทีเดียว และมันอาจเป็นการดื่มที่เสียเปล่าก็ได้ เดี๋ยวลองมาดู 3 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนการดื่มกาแฟของคุณให้เป็นการดื่มกาแฟที่มีคุณภาพและได้ความโปรดักทีฟจริงๆ จังๆ กัน 🙂 1. ลืมตาตื่นอย่าเพิ่งร้องหากาแฟ สำหรับคนจำนวนมาก สิ่งแรกที่คุณคิดเมื่อลืมตาตื่นคือ การรีบไปหากาแฟกระแทกคอสักหน่อยเพื่อความสดชื่น ซึ่ง…ผิด!
บลูม ( Bloom) เป็นการ pre brew หรือเทน้ำรอบแรก กด Scale ให้เป็น 0 กรัม เริ่มเทน้ำรอบแรกในปริมาณ 2 เท่าของกาแฟ และเริ่มจับเวลาประมาณ 30 วินาที จังหวะนี้เป็นปฏิกิริยาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยน้ำร้อนจะเข้าไปแทนที่ก๊าซ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสกัด สำคัญคือ น้ำต้องสัมผัสกับกาแฟทุกส่วน ดริปกาแฟกินเอง ขั้นที่ 7. จบการดริป จัดการดริปต่อได้เลย ค่อย ๆ วนน้ำที่เหลือลงไป เร่งความเร็วในการเท เพื่อให้ได้น้ำเยอะที่สุด วนด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอตลอดการดริป ทำการหยดจนน้ำกาแฟที่ได้เริ่มเปลี่ยนสี เจือจาง หรือสังเกตจากน้ำยุบเร็วขึ้น ช่วงท้าย ค่อย ๆ เบามือลง หยดให้ช้าลง ควรจบการดริปให้เสร็จภายในนาทีที่ 2. 00 – 3. 00 เมื่อจบการดริปแล้ว ให้เหวี่ยง Carafe เพื่อให้กาแฟเข้ากัน ควรพักกาแฟให้อุณหภูมิลงก่อนสักเล็กน้อย แล้วค่อยเทใส่แก้ว เห็นไหมครับว่าดริปกาแฟกินเองก็ไม่ได้ยาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยประสบการณ์ฝึกไปเรื่อย ๆ เพื่อดึงรสชาติของเมล็ดกาแฟนั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ยังไงช่วงนี้อย่าลืมดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดให้มากขึ้น ยุคของการ Work from home อาจเป็นโอกาสที่ทำให้คุณได้ฝึกสร้าง Slow bar ของตัวเองขึ้นมาก็ได้นะครับ
'Nappuccino' งีบนิด-กาแฟหน่อย นอกจากกาแฟที่จะช่วยให้เราหายง่วงได้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งง่ายๆ ที่จะช่วยเติมความสดชื่นให้แก่ร่างกายและสมองของเราคือการงีบ ซึ่งปัจจุบันมีผลการศึกษาแล้วว่า หากเราผสมผสานศาสตร์สองอย่างเข้าด้วยกัน จะทำให้ร่างกายตื่นตัวได้ถึงขีดสุด!