Index สมัคร งาน
คราบลิปสติก ผู้หญิงอย่างเราๆ คงไม่สามารถเลี่ยงปัญหาคราบเครื่องสำอางติดเสื้อได้หรอกใช้มั้ย? เพราะเราต้องแต่งเสริมเติมสวยกันอยู่ทุกวัน ในเมื่อหนีไม่พ้นก็ลองมาดูวิธีแก้ปัญหากันดีกว่า เริ่มต้นให้ใช้ทิดชู่แปะลงบนคราบที่เลอะจากนั้นให้กลับด้านแล้วหยดน้ำมันใส่ลงไป แค่นี้คราบลิปสติกก็จะจางลงอย่างเห็นได้ชัด อ้อ อย่าลืมเปลี่ยนทิชชู่บ่อยๆ ด้วยล่ะมันจะได้สะอาดยิ่งขึ้น 5. คราบยาทาเล็บ วิธีขจัดคราบยาทาเล็บนั้นไม่ยากเลย ให้ใช้สำลีจุ่มกับน้ำมันหรือน้ำยาล้างเล็บจากนั้นถูลงไปบนลอยเปื้อน ถูจนลอยเริ่มจางลง แต่ถ้าหากยังทิ้งคราบเบาๆ เอาไว้ให้น้ำผ้าไปแช่น้ำอุ่นสัก 2-3 นาที แค่นี้ผ้าก็จะกลับมาเป็นสีเสมอกันแล้ว 6. คราบสกปรกจากผลเบอร์รี่ น้ำผลไม้ บางครั้งเราอาจเผลอไปนั่งทับผลไม้ที่ตกอยู่ตามพื้นหรือตามที่นั่งต่างๆ จนเกิดเป็นรอยเลอะขึ้นมา วิธีแก้ก็ง่ายๆ เพียงแค่ใช้สำลีชุบกับน้ำส้มสายชูให้พอเปียกถูลงบนรอยเลอะ จากล้างออกด้วยน้ำเย็น เสร็จแล้วให้ทาเกลือทับลงไปเพราะเกลือจะช่วยให้ผ้ากลับมาเป็นสีเดิม ล้างด้วยน้ำร้อนอีกครั้งแค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว 7. คราบเลือด ขจัดคราบเลือดง่ายๆ โดยการแช่ส่วนที่เปื้อนเลือดลงไปในแอมโมเนียสัก 10-15 นาที ถ้ายังคงเหลือร่องรอยอยู่ให้สักด้วยน้ำยาซักผ้าอีกครั้ง แค่นี้ก็สามารถขจัดคราบได้อย่างหมดจด 8.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถ้าทำวิธีที่ผ่านๆ มาแล้วยังขจัดคราบไม่ได้ ให้แช่ผ้าในน้ำส้มสายชูผสมน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 เป็นเวลา 30 นาที ตอนผ้าเปียกชุ่ม ให้ค่อยๆ ซับคราบด้วยฟองน้ำหรือผ้าทุก 10 นาทีขึ้นไป เสร็จแล้วซักผ้าตามปกติ [12] ห้ามใช้น้ำร้อน เพราะจะทำให้คราบแห้งแข็ง น้ำส้มสายชูกลั่นขาวก็ปลอดภัย ใช้ได้กับทุกวัสดุ ซับด้วยน้ำยาซักแห้ง.
ก่อนจะใช้สเปรย์ฉีดผมหรือวิธีทำความสะอาดอื่นๆ แนะนำให้ทดสอบน้ำยาแค่จุดเล็กๆ ของผ้าก่อน เพื่อเช็คว่าปลอดภัยต่อเส้นใยของผ้าหรือไม่ ให้ฉีดสเปรย์แค่เล็กน้อย บริเวณที่คนจะไม่สังเกตเห็น รอประมาณ 30 นาที แล้วซับออกไป ถ้าบริเวณที่ฉีดสเปรย์ชื้นๆ แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ แสดงว่าปลอดภัย ใช้ขจัดคราบได้ [5] ถ้าสเปรย์ฉีดผมเลอะเป็นคราบหรือทำผ้าสีตก เปลี่ยนสี ก็ห้ามใช้ต่อเด็ดขาด สเปรย์ฉีดผมเหมาะสำหรับผ้าที่มีเส้นใยโพลีเอสเตอร์ผสม ห้ามใช้ขจัดคราบจากหนัง เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ผสมนั้นทำให้หนังเสียหายได้ 3 ฉีดสเปรย์ที่คราบ. พอปูผ้าที่เลอะกางออกแล้ว ให้ถือสเปรย์ห่างจากผ้าประมาณ 1 ไม้บรรทัด แล้วฉีดสเปรย์ใส่คราบให้ทั่วถึง [6] 4 รอสเปรย์เซ็ตตัว. พอฉีดสเปรย์ที่คราบแล้ว ให้ทิ้งไว้ 1 นาที เพื่อให้แอลกอฮอล์ในสเปรย์ไปละลายคราบหมึก แต่ระวังอย่าทิ้งสเปรย์ไว้นานเกินไป ไม่งั้นจะแห้งติดผ้าได้ [7] 5 ซับคราบด้วยผ้าสะอาด. พอทิ้งสเปรย์ไว้ประมาณ 1 นาทีจนเซ็ตตัวแล้ว ให้เริ่มซับคราบด้วยผ้าขาวหรือสำลีก้อน จะเห็นคราบหมึกติดมา ก็ซับคราบไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือคราบ หรือจนหมึกไม่ติดผ้ามา [8] ถ้าคราบหายไปแล้ว ก็ซัก/อบตามปกติได้เลย ซับคราบด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล.
เอาผ้าขาวสะอาดหรือฟองน้ำไปชุบแอลกอฮอล์ล้างแผล แล้วใช้ซับคราบหมึก ค่อยๆ ซับไป ถ้าขจัดคราบหมึกได้แล้ว ก็ซักผ้าตามปกติได้เลย [9] ห้ามใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลกับแอซิเตต ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ และผ้าเรยอน แอลกอฮอล์ล้างแผลใช้ขจัดคราบหมึกได้ดีทุกชนิด ไม่ว่าจะปากกาเมจิกหรือปากกาลูกลื่น เหมาะจะใช้เวลาฉีดสเปรย์ฉีดผมแล้วไม่แรงพอจะขจัดคราบ ใช้กลีเซอรีนกับน้ำยาล้างจาน. ให้ผสมกลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล. ) กับน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา (5 มล. ) ในถ้วย จากนั้นเอาผ้าขาวมาชุบน้ำยาไปซับคราบหมึกด้านใดด้านหนึ่ง พอไม่เหลือคราบแล้ว ก็ให้กลับด้านผ้า แล้วซับคราบหมึกที่ด้านใหม่ [10] พอซับคราบแล้ว ให้ทิ้งผ้าไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นใช้นิ้วป้ายกลีเซอรีนเพิ่มที่คราบ สุดท้ายเปิดน้ำราดผ้าให้ไหลผ่านคราบ ชะเอากลีเซอรีนและน้ำยาออกไป กลีเซอรีนเหมาะจะใช้ขจัดคราบเก่า เพราะทำให้คราบชุ่ม ละลายหมึก น้ำยาล้างจานก็ทำความสะอาดซ้ำอีกที ใช้ได้กับผ้าทุกชนิดเลย 3 ใช้เบคกิ้งโซดากับน้ำ. ถ้าจะขจัดคราบด้วยเบคกิ้งโซดา ให้ผสมเบคกิ้งโซดากับน้ำในสัดส่วน 2 ต่อ 1 ในถ้วย จนได้ paste ไม่หนืดมาก จากนั้นเอาสำลีก้อนป้าย paste นี้ที่คราบหมึก แล้วซับๆ ที่คราบ พอไม่เหลือคราบแล้ว หรือหมึกไม่ติดมาอีกตอนซับ ให้เช็ด paste ออกด้วยผ้าสะอาดหรือทิชชู่ [11] เบคกิ้งโซดาปลอดภัย ใช้ได้กับทุกวัสดุ 4 ขจัดคราบด้วยน้ำส้มสายชู.