Index สมัคร งาน
2. หาจุดแข็งของตัวเอง ยอมรับจุดด้อย ยอมรับว่าเรามีทั้งเรื่องที่เก่งและไม่เก่ง ลองค้นหาความเก่งของเรา สิ่งที่เราชอบทำและสามารถทำได้ดี อาจจะต้องใช้เวลานิดหน่อยแต่รับประกันเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ามาก ๆ 3. เรื่องเล็ก ๆ ที่ฉันภูมิใจ ลองเล่าสิ่งนี้ให้คนอื่นฟังดูบ้าง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรามองข้ามไปอาจพิเศษมากก็ได้ในสายตาคนอื่น ลองเล่าให้คนที่เราไว้ใจฟังดูบ้าง นอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยังทำให้เรารู้จักผู้อื่นมากขึ้นแบบคาดไม่ถึง 4. ใจดีกับตัวเองขึ้นอีกนิด อย่ากดดันตัวเองจนเกินไปว่าต้องประสบความสำเร็จ และอย่าลืมให้อภัยตัวเองหรือผู้อื่นเมื่อทำผิดพลาด การยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ลองคิดว่าความผิดพลาดคือการเรียนรู้และเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของเรา ลองคิดแบบนี้ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้นิดหน่อยนะ 5. เคารพความต้องการของตัวเองด้วยการ 'ฝึกปฏิเสธ' การไม่ยอมรับข้อเสนอบางอย่างจากผู้อื่นบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ควรทำและดีต่อตัวเราด้วย ไม่ต้องกลัวว่าปฏิเสธไปแล้วจะไม่เป็นที่รัก ฟังเสียงหัวใจตัวเองให้มากขึ้น เคารพความต้องการของตัวเองให้มากขึ้น แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เลยเถิดถึงขั้นเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกเรื่องและกลายเป็นความเห็นแก่ตัวนะ ใช้หลักง่าย ๆ ว่าถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ลองตามใจตัวเองดูบ้างก็ดี 6.
สุขภาพ Share: Self Esteem หรือการเห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมและคุณภาพชีวิต ซึ่งการเห็นคุณค่าในตัวเองต่ำอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาวได้ ดังนั้น การตระหนักถึงความสำคัญในการสร้าง Self Esteem จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย Self Esteem คือ อะไร?
ไม่ยอมรับข้อบกพร่องของตนเอง หลีกเลี่ยงและไม่ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง พยายามปลอบใจตัวเองด้วยข้อดีต่าง ๆ นานาจนบางครั้งอาจนำไปสู่อาการหลงตัวเองเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีอยู่ตลอด จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ใคร ๆ ก็มีอาการเหล่านี้ได้ แต่ถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่าตนเองมีอาการเหล่านี้มากเกินไป อาจต้องกลับมาทบทวนตนเองว่าเราเห็นคุณค่าและพึงพอใจในตนเองมากน้อยแค่ไหน แล้วลองกลับมาดูแลตนเอง รักตนเองให้มากขึ้น 1.
ลังเล ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ บางครั้งเราอาจรู้สึกกลัว ลังเล ไม่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง รวมไปถึงกังวลกับผลที่จะตามมาจนไม่กล้าตัดสินใจลงมือทำอะไร 6. รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกว่าตนเองไม่เป็นที่ยอมรับ เข้ากับผู้อื่นไม่ได้ ทำให้เหงาและโดดเดี่ยว บางครั้งแสดงออกผ่านการเก็บตัวหรือความต้องการอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนตลอดเวลา เพราะไม่สามารถเป็นเพื่อนที่ดีให้กับตัวเองได้ 7. กลัวความผิดพลาด ย้ำคิดย้ำทำ กังวล ทบทวนและทำสิ่งเดิมอยู่ซ้ำ ๆ ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกเพราะกลัวความผิดพลาด กลัวความไม่สมบูรณ์แบบ กลัวว่าความผิดพลาดจะทำให้ตนเองเสียความมั่นใจไปกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การหลีกเลี่ยงปัญหา ทำให้ปัญหาพอกพูนไปเรื่อย ๆ และนำไปสู่ความเครียดได้ 8. พยายามเอาใจคนอื่นมากเกินไปและไม่กล้าปฏิเสธ บางคนอาจยอมเป็นผู้ตามผู้อื่นมากเกินไป ไม่กล้าปฏิเสธคำขอ ไม่กล้าบอกความต้องการของตนเองตรง ๆ จนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป สาเหตุเพราะกลัวว่าจะแปลกแยกและไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น จนนำไปสู่การขาดความภูมิใจตนเองและไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร 9. ยึดติดกับความสำเร็จมาก ต้องการเป็นที่รู้จัก ต้องการชื่อเสียง เกียรติยศและความสำเร็จเพื่อให้ได้รับการยอมรับและรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าในสายตาผู้อื่น ซึ่งเกิดจากการไม่เห็นคุณค่าภายในตนเอง จึงต้องเสริมความเชื่อมั่นโดยอาศัยความสำเร็จต่าง ๆ เป็นตัวการันตีคุณค่าของเรา 10.
เพิ่มคุณค่าในตัวเองด้วยการเป็นผู้ให้ บางครั้งเราอาจรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์และไม่มีค่า แต่เพื่อน ๆ อาจไม่รู้ว่าการให้ความช่วยเหลือของเรามีความสำคัญต่อผู้อื่นมากแค่ไหน ลองเริ่มต้นจากสิ่งง่าย ๆ เช่น บริจาคสิ่งของเหลือใช้ ไปบริจาคเลือด หรือทำกิจกรรมเพื่อสังคมอื่น ๆ ไม่แน่การเสียสละเล็ก ๆ ของเราอาจต่อชีวิตให้ผู้อื่นก็ได้ ใครจะไปรู้ 7. กล้าหาญ กล้าเผชิญกับปัญหาด้วยความเข้าใจ อย่าเก็บปัญหาไว้จนเรื้อรัง ลองใช้ความกล้าหาทางแก้ปัญหาเหล่านั้นดูตั้งแต่เนิ่น ๆ ถึงจะได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างแต่ก็ทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และทำให้เราแก้ไขปัญหาครั้งต่อ ๆ ไปได้ดียิ่งขึ้น 8. รับฟังและเปิดใจเมื่อได้รับคำวิจารณ์ คำวิจารณ์จากผู้หวังดีนั้นมีค่ามาก ๆ ลองเก็บคำวิจารณ์นี้มาปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นคำวิจารณ์ที่รุนแรงหรือความเห็นที่บั่นทอนจิตใจก็พยายามจับประเด็นสำคัญให้ได้ แต่อย่าเก็บอารมณ์หรือคำพูดรุนแรงไปคิดมากจนสูญเสียความมั่นใจในตนเอง ลองฟังหูไว้หูบ้างก็จะทำให้ไม่รู้สึกแย่จนเกินไปด้วย 9. เคารพตัวเองและเคารพผู้อื่น นอกจากเชื่อมั่นและเคารพตัวเองแล้วก็ควรเคารพผู้อื่นด้วย ฝึกยอมรับว่าทุกคนมีความแตกต่างกันทั้งด้านความคิดและความรู้สึก รวมไปถึงความแตกต่างด้านรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ดูถูกดูแคลนใคร ไม่ด่วนตัดสินตัวเองและผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเป็นที่รักและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขมากขึ้น 10.
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกตัวเล็กลงอย่างไม่มีสาเหตุในบางสถานการณ์หรือเปล่า?
ระดับ self-esteem ที่สูงมากๆ ไม่ได้แปลว่าดีเสมอไป คนที่มั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่หวั่นไหวกับคำวิจารณ์หรือ feedback จากคนอื่นได้ง่ายนั้น ไม่ดีแน่ๆ ต่างจากคนที่มีระดับ self-esteem ที่เหมาะสมและมั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย ย่อมจะได้เปรียบกว่า 5. ระดับ Self-esteem ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตา แปลว่าคนหน้าตาดีรูปร่างดีไม่ได้เห็นคุณค่าของตัวเองเสมอไป เพราะมีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าคนที่มี self-esteem ต่ำ ถูกประเมินว่าหน้าตาดีพอๆ กับคนที่มีระดับ self-esteem สูง สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคนที่รู้สึกดีกับตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่านั้น จะดูแลตัวเองและแต่งตัวให้ดูดี และแสดงออกด้วยความมั่นใจ (ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา) ซึ่งจะทำให้เป็นที่ประทับใจและชื่นชมแก่ผู้ที่พบเห็นมากกว่าคนที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดี ไม่ดูแลตัวเอง และแสดงออกด้วยความไม่มั่นใจ (แม้จะหน้าตาดีก็ตาม) 6. คนที่มี self-esteem ต่ำจะไม่รับคำชม จริงๆ แล้วการได้รับฟีดแบ็คในทางที่ดีและคำชมจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะพัฒนา self-esteem ของคนเรา แต่โชคร้ายจริงๆ ที่คนที่มี self-esteem ต่ำ จะมองว่าตัวเองไม่มีค่าพอคู่ควรกับคำชมเชยเหล่านั้น เมื่อมีใครชม ในใจพวกเขาจะต่อต้านและรู้สึกว่าเป็นคำลวง หรืออาจทำให้เครียดเพิ่มขึ้นเพราะรู้สึกว่าถูกคาดหวังสูงเกินจริง 7.
คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้โลกสดใสขึ้น ถ้าการรอให้ผู้อื่นเอ่ยชมเรานั้นยากเกินไป ลองชมตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็ทำให้โลกดูสดใสขึ้นได้นะ และถ้าไม่ยากเกินไปก็ลองกล่าวชมผู้อื่นดูบ้าง คำพูดดี ๆ เพียงเล็กน้อยของเราอาจเป็นเรื่องดี ๆ ของเขาไปทั้งวันเลยก็ได้ เพราะการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมเราอาจควบคุมสถานการณ์หลาย ๆ อย่างให้เป็นดั่งใจเราไม่ได้ทั้งหมด บางครั้งอาจมีการกระทำหรือคำพูดที่มากระทบจิตใจจนทำให้เรารู้สึกแย่ แต่ถ้าเราเห็นคุณค่าในตัวเองอยู่เสมอ มีความมั่นคงทางจิตใจที่มากพอ มีภูมิคุ้มกันทางใจที่ดี สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบกับใจเราน้อยมาก ๆ มาเริ่มรักตัวเองให้มากขึ้นตั้งแต่วันนี้กันเถอะ! สำหรับคนที่อยากพัฒนาตัวเองด้านการเรียนลองอ่านบทความ ใช้สองชั่วโมงให้คุ้มค่า ด้วยการบริหารเวลาแบบมะเขือเทศ หรือ เรียนรู้การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไปกับ Howl's Moving Castle Reference: Miller, P., Kreitman, N., Ingham, J., & Sashidharan, S. (1989). Self-esteem, life stress and psychiatric disorder. Journal of Affective Disorders, 17 (1), 65–75. doi: 10. 1016/0165-0327(89)90025-6 Slater, L. (2002, February 3). The Trouble With Self-Esteem.